วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

นายกฯ “ยิ่งลักษณ์” สุดเจ็บปวด ถูกด่าโง่เหมือนบาร์บี้





   “ยิ่งลักษณ์” ปรี๊ดแตก สุดเจ็บปวดถูกด่าไม่มีสมองเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ คุยสื่อเมืองน้ำหอมถ้าไม่เจ๋งจริงบริหารประเทศไม่ครบ 1 ปีหรอก เผยผู้หญิงเข้าใจการเมืองแต่ใช้วิจารณญาณแบบถ่อมตน อึ้ง! รับหน้าชื่นพบผู้นำฝรั่งเศสแล้วจะไปช็อปปิ้งค่ะ ปชป.ติงทัวร์นอกควรจัดอันดับความสำคัญ โพลยังหนุนปูนั่งเก้าอี้ แต่ชี้การบริหารเรื่อง “ค่าครองชีพ-ความขัดแย้ง” ห่วย
เมื่อวันอาทิตย์ หนังสือพิมพ์เลอมงด์ของฝรั่งเศสได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยผู้สื่อข่าวบรูโน ฟิลิป ชี้ว่า การที่น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สามารถดำรงตำแหน่งครบ 1 ปีได้โดยไม่ถูกกองทัพยึดอำนาจนับเป็นความสำเร็จของเธอ
ผู้สื่อข่าวของเลอ มงด์รายงานว่า การเป็นนายกฯ ในไทยไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะประเทศนี้มีการรัฐประหารมาแล้ว 18 ครั้ง ราชอาณาจักรแห่งนี้ยังคงเป็นดินแดนแห่งการรัฐประหารถาวรที่ค่อนข้างหัว อนุรักษนิยม ยิ่งการเป็นนายกฯ หญิงซึ่งเป็นน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งบรรดาชนชั้นนำต่างดูถูกเหยียดหยาม ยิ่งเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก เธอมักถูกประณามว่า "ไร้เดียงสา โง่ ไม่รู้เรื่องการเมือง พูดผิดๆ ถูกๆ"
"ใช่ ค่ะ ถ้อยคำเหยียดหยามเหล่านี้ทำให้ดิฉันเจ็บปวด ดิฉันก็เป็นคน แต่ดิฉันยอมรับคำวิจารณ์ ถึงที่สุดแล้ว ถ้อยคำเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการถกเถียงอย่างเป็นประชาธิปไตย" เธอกล่าว
เลอ มงด์บรรยายว่า พรรคเพื่อไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ปีที่แล้ว แต่สื่อมวลชนมองว่า นายกฯ ตัวจริงคือพี่ชายของเธอ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นเพียงหุ่นเชิดที่ พ.ต.ท.ทักษิณคอยชักใยจากดูไบ ซึ่งเรื่องนี้ เธอบอกว่า "ฉันเป็นนายกฯ มาได้เกือบปีแล้ว ถ้าดิฉันต้องพึ่งพี่ชายทุกเรื่อง ดิฉันคงไม่ผ่านมาได้ถึงตอนนี้"
เธอ ปฏิเสธว่า ไม่ได้ติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ตลอดเวลา หรือท่องสคริปต์ที่เขียนขึ้นในดูไบ "ดิฉันอาศัยคุณสมบัติของตัวเองในฐานะผู้นำประเทศ ฉันต้องการการสนับสนุนจากพี่ชาย แต่ดิฉันได้ส่งสารที่ชัดเจนให้ทุกคนทราบว่า ดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรี"
เมื่อถามว่า การเป็นนักการเมืองหญิงในไทยเป็นเรื่องยากหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า "ทั้งใช่และไม่ใช่ บางคนบอกว่าผู้หญิงไม่เข้าใจความซับซ้อนของการเมือง แต่เราใช้วิจารณญาณด้วยความถ่อมตน" และว่า นโยบายที่เธอพึงพอใจ คือ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 40% และเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท เวลานี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของไทยติดอันดับสูงที่สุดในภูมิภาคประเทศหนึ่ง
ฟิ ลิปยังบรรยายว่า จุดเด่นที่สุดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์คือ หลีกเลี่ยงกับดัก และไม่เผชิญหน้ากับฝ่ายที่ต่อต้านเธอ แต่นักการเมืองในกลุ่มเสื้อแดงบางส่วนในพรรคกลับมองเธอว่า ประนีประนอมมากเกินไป และได้ทอดไมตรีกับพวกที่ต่อต้านพี่ชายของเธอ
เมื่อ ถามว่า หลังพบหารือกับประธานาธิบดีฟรังซัวส์ โอลลองด์, นายกรัฐมนตรี ฌอง-มาร์ก เอโรต์ และรัฐมนตรีต่างประเทศ โลรองต์ ฟาเบียส แล้ว เธอจะทำอะไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ยิ้มกว้าง พลางตอบว่า "ไปช็อปปิ้งค่ะ"
    นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์สื่อฝรั่งเศสว่าใช้คุณภาพตัวเองในการเป็นผู้นำที่ อยู่ในอำนาจโดยไม่พึ่งพาพี่ชายว่า เป็นเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์สามารถพูดกับสื่อต่างประเทศ ซึ่งห่างไกลจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้ แต่คนไทยทุกคนย่อมรู้ดีว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีคุณภาพเป็นผู้นำมากน้อยเพียงใด
“การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ภาคภูมิใจว่าเป็นผู้นำผ้าไทยไปเผยแพร่ในต่างแดนนั้นเป็น เรื่องที่ดี แต่คนระดับนายกฯ ก็ควรจัดลำดับความสำคัญในบทบาทหน้าที่ของตนเองว่าอะไรควรที่ทำในลำดับต้นๆ ไม่ใช่การไปเยือนในประเทศต่างๆ แล้วละทิ้งการปรึกษาหารือข้อราชการที่สำคัญของประเทศ และเอาเรื่องแฟชั่นมาบังหน้า” นายเทพไทระบุ
        นายเทพไทกล่าวอีกว่า เมื่อนายกฯ กลับมาถึงเมืองไทยแล้ว อยากให้สรุปผลการเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ ว่าคุ้มค่ากับการเดินทางไปเยือนครั้งนี้หรือไม่ เพราะขณะนี้ปัญหาภายในประเทศที่มีม็อบรายวันรอนายกฯ แก้ปัญหาจำนวนมาก และรวมถึงสถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้ ที่รุนแรงเกิดขึ้นทุกวัน  แต่รัฐบาลไม่เคยให้ความสำคัญหรือสนใจ ทำแค่ให้โฆษกพรรคเพื่อไทยนั่งแถลงข่าวประณามมือระเบิดรายวัน 
    นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ได้รวบรวมการทำงานของรัฐบาลครบ 1 ปี พบว่า มี 9 ประเด็นที่ประชาชนไม่พอใจจนสามารถออกมาแสดงความเคลื่อนไหวต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ คือ 1.การโกหกประชาชนเรื่องยกเลิกกองทุนน้ำมัน 2.การทุจริตจำนำข้าว ที่ยอดส่งออกข้าวลดลง 3 ล้านตัน รายได้ประเทศหายไป 38,646 ล้านบาท 3.การจัดการปัญหาน้ำท่วม ซึ่งผิดพลาด 4.สินค้าราคาแพง 5.ตระบัดสัตย์โดยขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวี  6.เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท ที่ถึงขณะนี้ยังไม่มีใครได้ 7.ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ที่ทำได้แค่ 7 จังหวัด  8.การยินยอมให้กัมพูชาจัดการประชุมมรดกโลกแต่เพียงผู้เดียวในปี 2556 และ 9.ปัญหาสถานการณ์ไฟใต้ ที่นายกฯ และรองนายกฯ ไม่เคยไปดูแล
วันเดียวกัน สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้เผยผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง สาธารณชนคิดอย่างไรต่อสถานการณ์ขัดแย้งทางการเมืองเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ และผลงานรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งสอบถามประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัด จำนวน 2,144 ตัวอย่าง ในการประเมินผลงานรัฐบาล พบว่า ในภาพรวมนั้น 60.3% มองว่าเหมือนเดิม มีเพียง 21.1% ที่บอกว่าดีขึ้น และ 18.6% บอกว่าแย่ลง และเมื่อแยกในรายละเอียดพบว่า ในเรื่องยาเสพติดส่วนใหญ่ 50.4%มองว่าเหมือนเดิม เรื่องปากท้องค่าครองชีพส่วนใหญ่ 46.4% บอกว่าแย่ลง ปัญหาภัยพิบัติธรรมชาติส่วนใหญ่ 45.4% บอกเหมือนเดิม ด้านคุณภาพเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ 46.3% มองเหมือนเดิม และเรื่องความขัดแย้งแตกแยกของคนในชาติ ส่วนใหญ่ 48.2% บอกว่าแย่ลง 39.4% บอกเหมือนเดิม มีพียง 21.1% บอกว่าดีขึ้น
“65.8% ยังสนับสนุนให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ต่อ มีเพียง 34.2% ที่ไม่สนับสนุน” ผลโพลเผยถึงการสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ในตำแหน่งนายกฯ
ด้านสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ก็เผยผลสำรวจประชาชน 2,064 คนทั่วประเทศ ในเรื่องการเมืองไทย ณ วันนี้ในทัศนะประชาชน พบว่า 50.15% ประชาชนมักคุยเรื่องการเมืองกับคนเพื่อนร่วมงานมากกที่สุด ตามมาด้วยญาติพี่น้อง ส่วนเรื่องที่นำมาคุยกันแล้วสนุกไม่เครียด ส่วนใหญ่ระบุเป็นพฤติกรรมหลุดๆ หรือการหยิบยกเรื่องไม่เป็นเรื่องมาทะเลาะกัน รวมทั้งสไตล์ของนักการเมือง ส่วนเรื่องที่คุยแล้วเครียด ส่วนใหญ่มองว่าคือการทะเลาะเบาะแว้ง รวมถึงการแก้ไขรัฐรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติปรองดอง
เมื่อถามถึงเรื่อง การเมืองเรื่องใดที่ดีขึ้น แย่ลง และเหมือนเดิมนั้น พบว่า เรื่องที่ดีขึ้นคือการบริหารบ้านเมืองตามที่สัญญาไว้ ส่วนเรื่องที่แย่ลงคือการทะเลาะเบาะแว้ง และเรื่องที่เหมือนเดิม การทะเลาะเบาะแว้งและการเล่นเกมการเมือง.